Global Citizen (พลเมืองโลก) คือ คนที่มีความตระหนักและสนใจความเป็นอยู่ สังคม สิ่งแวดล้อมที่นอกเหนือจากแค่ประเทศตนเอง แต่เป็นภาพรวมๆของทั้งโลก รวมถึงคนที่เดินทาง โยกย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งเสมอ เปรียบเสมือนทั้งโลกนี้คือ ที่อยู่/ที่ทำงานของตน
.
บางคนอาจจะสนอกสนใจอยากมีส่วนร่วมพัฒนาในที่ๆตนเองไปอยู่ด้วย เช่น อยากช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยให้เกิดความสันติ และช่วยให้เกิดความเท่าเทียมยุติธรรม เพราะมองตนเองเป็นพลเมืองของโลก และมีส่วนรับผลชอบกับโลกใบนี้
--
แล้ว Good global citizen ควรต้องมีทักษะ หรือ คุณสมบัติอย่างไร?
เราทุกคนน่าจะเคยรู้จัก IQ & EQ คือ
ความฉลาดทางสมอง (Intelligence Quotient / IQ) และ ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Quotient / EQ) แต่จะมีสักกี่คนที่เคยได้ยิน หรือ เข้าใจคำว่า Cultural Intelligence (CQ)
.
CQ คือ ทักษะ หรือ ความสามารถในการตีความและความเข้าใจใน 'วัฒนธรรมที่แตกต่างหลากหลาย' ในสถานการณ์ที่อาจมีความ 'ไม่ชัดเจน คลุมเครือ' ยิ่งไปกว่านั้น คือสามารถ พูดคุย ทำงานร่วมกันผู้ที่มีวัฒนธรรมแตกต่างจากตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งบอกเลยว่าสำคัญมากๆในการมาอยู่ต่างประเทศและการอยู่ต่างบ้านต่างเมือง มันคือการมี Empathy (การเห็นอกเห็นใจ) ผู้อื่นนั่นเอง แต่เพิ่มจาก Empathy เรื่องทั่วๆไป มาเข้าอกเข้าใจในความแตกต่างที่เกิดจากวัฒนธรรมที่ต่างกัน
พอรู้จักคำนี้มากขึ้น จึงเล็งเห็นความสำคัญในการนำมาปรับใช้ในองค์กร ที่ทำงาน และความสัมพันธ์ เพราะเราล้วนเจอคนที่มีความเห็นแตกต่างจากเรา สืบเนื่องจากวัฒนธรรมการเลี้ยงดูที่แตกต่างอย่าสิ้นเชิง
.
ทุกวันนี้มีตัวอย่างให้เห็นชัดเจนในกลุ่มคนที่มี Generation Gap ที่มีความเห็นสุดขั้ว ล้วนมาจากวัฒนธรรมการเติบโตที่ต่างกัน ซึ่งหากช่วงอายุต่างกัน >20 ปี Gap นี้จะชัดเจนมาก
.
.
📌 8 สิ่งที่ทำให้คนมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
1. Generation (วัย)
2. Gender (เพศ)
3. Faith (ความศรัทธา)
4. Politics (การเมือง)
5. Geographic (สถานที่ตั้ง)
6. Disability (การไร้ความสามารถ)
7. Prospects (โอกาส, ความหวังในภายหน้า)
.
ทั้งหมดนี้ส่งผลให้คนเรามีทัศนคติ (Perception), ความเข้าใจ (Understanding), การตีความ (Implication) แตกต่างกัน ในประเทศที่แตกต่างกัน อาจตีความสิ่งเหล่านี้ ต่างกันและให้ลำดับความสำคัญต่างกันหมด เช่น
- [Generation] เดนมาร์ก คาดหวังเด็กอายุ 16-18 รู้จักทำงานหาเงินได้ รู้จักเก็บเงิน
- [Prospects] อเมริกาเชื่อในความเท่าเทียม และเป็นประเทศแห่งโอกาส มีคำว่า American Dreams เริ่มใหม่ตอน 40 50 60 ก็ยังไม่สาย
- [Gender] ประเทศจีนที่เคยกำหนดให้มีลูกได้คนเดียว อยากมีผู้สืบตระกูลจึงอยากได้แต่ลูกชาย ลูกผู้หญิงอาจรู้สึกถึงความกดดันมากกว่า
- [Geogrphical] ประเทศอย่างนอร์เวย์ อากาศหนาวทั้งปี และเป็นดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน
.
แล้วลองนึกภาพในวันที่เราย้ายประเทศไปในที่ใหม่ๆและอาจะเจอกับความแตกต่างทั้ง 8 เรื่องพร้อมๆกันหมดนี้ หรือ ต้องทำงานใช้ชีวิตกับคนที่เติบโตมาด้วย สภาพแวดล้อมที่ต่างจากเราสิ้นเชิง จึงไม่แปลกที่มีคำว่า 'Culture Shock' เกิดขึ้น
.
แล้วเราควรรับมือกับ Culture Difference อย่างไรดี อ้างอิงจาก หน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไร ชื่อ Common Purpose ตั้งขึ้นเพื่ออย่างช่วยพัฒนาผู้นำให้มีศักยภาพ กล่าวไว้แบบนี้
.
เราทุกคนจะมี 'Core' (แก่น/สิ่งสำคัญ/ตัวตน) ที่เป็นตัวตนของเรา ละ/เลิก/เสีย ไม่ได้ ซึ่งคือจุดแข็งของเรา เปลี่ยนแปลงไม่ได้ หรือ ยากมากๆ ในขณะเดียวกันเราก็จะมี 'Flex' (ยืดหยุ่น) คือสิ่งที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ตามวัฒนธรรม และกาลเทศะนั่นเอง
.
ดังนั้น ทางที่ดีเราต้องรู้ Core และ Flex ของตัวเองอย่างดี เพื่อรู้เท่าทันตัวเอง เวลาที่เราเผชิญสถานการณ์ที่ไม่ง่ายว่าอันไหน เราจะยอมหักไม่ยอมงอ หรือ เรื่องไหนไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเรา
'
วิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนา CQ (ตามตำรานี้ จริงๆมีอีก 2-3 ตำรา) คือ การคอยอัพเดตตัวเองเสมอเวลาเจอเรื่องหงุดหงิดใจ หักไม่ได้ ลดไม่ลง ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร และสิ่งนั้น คือ Core (ตัวตน) ของเราหรือเปล่า เป็นไปได้ไหที่เราจะปรับ ยืดหยุ่น เพื่อจะลดอคติ (Bias) ลงไป หรือให้เราสามารถควบคุมสิ่งนั้นได้ดีขึ้น
.
สิ่งที่เป็น Core มักจะปรับได้ยาก เราสามารถหลีกเลี่ยง หรือ หาวิธีที่เตรียมพร้อมหากอนาคตเจอกับสิ่งเหล่านั้น จากเดิมที่ไม่เคยมีแผนการ เมื่อเจอสถานการณ์เราอาจจะผิดหวัง 100% แต่เมื่อเราตระหนักรู้แล้ว ครั้งหน้าเราสามารถใช้วิธีที่ Flex มากขึ้น หรือ มีวิธีที่จะสื่อสารได้อย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ต้องสูญเสียตัวตนเรา
.
การรู้ Core และ Flex ของตัวเองมีประโยชน์มาก หลายครั้งเราต้องเจอสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เรารู้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นอีกแล้วนะ และเราไม่ชอบ อย่างน้อยเราจะไม่ผิดหวัง 100% และเตรียมหาวิธีป้องกันล่วงหน้า
.
🎯 สิ่งสำคัญของ CQ คือ ความสามารถในการยอมรับความแตกต่าง และความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นจากการรับรู้ภูมิหลังที่แตกต่าง โดยที่ยังรู้เท่าทันในตนเอง และไม่สูญเสียความเป็นตัวเอง
.
--
ในกรณี #ย้ายประเทศ นี้ หากเรารู้ Core และ Flex จะช่วยให้เรากำหนดความชอบ (Preference) ของตัวเอง และทำให้มี Choices ในการเลือกประเทศที่เหมาะกับจริตตนเองได้มากขึ้น
🍛 หากเราทำกับข้าวไม่เป็น (และไม่ชอบ) ชอบทานข้าวนอกบ้าน และดันชอบอาหารไทยอีก แบบนี้ต้องหาเมืองที่ค่าครองชีฟไม่สูงมาก คนไทย/เอเชียเยอะ หรือเตรียมเงิน หางานที่รายได้ดีหน่อย
🌞🌈 หากเป็นคนชอบกิจกรรม Outdoor Active แต่ไม่ชอบอากาศหนาว หรือ บางคนมีภาวะซึมเศร้า หดหู่ง่าย อาจจะไม่เหมาะอยู่ประเทศที่อากาศหนาวมากๆ เพราะอากาศมีผลให้คนมักเก็บตัวอยู่ในบ้าน
😀📣 ชอบประเทศที่มีความเท่าเทียม สิทธิเสรีภาพ Free Speech ก็ลองไปดูเรื่องสังคม วัฒนธรรม และกฎหมายว่าด้วยเรื่องเหล่านั้น
💰💸 หากเราไม่มีวิชาชีพ หรือ ใบปริญญา อาจมองหาประเทศที่มีค่าแรงขั้นต่ำสูง และมีโอกาสและความเท่าเทียมด้านรายได้และโอกาส สวัสดิการสังคมดี
💜🤍 เป็น LGBT แต่อยากให้มีกฎหมายรับรองเพศสภาพและการแต่งงานอย่างถูกต้อง บางประเทศส่งเสริมให้ผ่าตัดแปลงเพศฟรี และเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อในสูติบัตรให้อีกด้วย
หวังว่าโพสนี้จะเป็นประโยชน์ และช่วยให้ทุกคนตั้งคำถามกับตัวเองมากขึ้นว่า เราจะเป็นพลเมืองโลกที่ดีได้อย่างไร?
หากสงสัยว่าแล้วเรามี CQ ในระดับใด ลองเข้าไปทำแบบทดสอบได้ที่ลิงค์นี้ (ภาษาอังกฤษนะคะ)
https://commonpurpose.org/knowledge-hub/what-is-cultural-intelligence/cq-test/
ที่มาของข้อมูล:
https://commonpurpose.org/knowledge-hub/what-is-cultural-intelligence/
https://hbr.org/2004/10/cultural-intelligence
อ่านเพิ่มเติม:
https://culturalq.com/about-cultural-intelligence/
https://www.mindtools.com/pages/article/cultural-intelligence.htm
#ย้ายประเทศกันเถอะ #พลเมืองโลก #Globalcitizen #CulturalIntelligence